เลือกภาษา:
ความรู้เพื่อสุขภาพ

กรดไหลย้อน โรคยอดฮิต พิชิตได้

พญ.ธิดาพร มัลลิกาพิพัฒน์


กรดไหลย้อน โรคยอดฮิต พิชิตได้!!!!

โรคกรดไหลย้อนคือ?

เป็นภาวะที่เกิดจากการไหลย้อนของสารคัดหลั่งจากกระเพาะอาหาร หรือลำไส้เล็กส่วนต้น ซึ่งอาจจะเป็นกรด กรดอ่อน ด่าง และแก๊สไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ซึ่งอาจทำให้มีอาการอักเสบของเยื่อบุหลอดอาหาร หรือไม่มีการอักเสบของหลอดอาหารก็ได้ โดยจะต้องส่งผลให้คุณภาพชีวิตเปลี่ยนแปลงด้วย

อาการของกรดไหลย้อน มีอาการอะไรบ้าง?

อาการด้านหลอดอาหาร เป็นอาการที่พบได้บ่อย ได้แก่

- แสบร้อนบริเวณลิ้นปี่ และลามขึ้นมาที่หน้าอก มักมีอาการมากขึ้นหลังรับประทานอาหารมื้อหนักๆ การโน้มตัวไปข้างหน้า การยกของหนัก และการนอนหงาย

- เรอเปรี้ยว เนื่องจากมีกรดซึ่งเป็นน้ำรสเปรี้ยวหรือรสขมไหลย้อนขึ้นมาในปาก รายที่มีอาการมากอาจมีอาการกลืนลำบากได้

อาการนอกหลอดอาหาร ซึ่งพบได้ไม่บ่อยเท่ากับกลุ่มอาการแรก ได้แก่

- อาการทางด้านหู คอ จมูก ถ้ากรดไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารสูงขึ้นกว่าเดิม อาจทำให้มีอาการเจ็บคอเรื้อรัง หรือเสียงแหบเรื้อรังได้

- อาการทางระบบหายใจ มักมาได้ด้วยเรื่องหอบหืด หรือไอเรื้อรัง

- อาการทางหัวใจ มาด้วยเรื่องแน่นหน้าอกที่ไม่ได้เกิดจากโรคหัวใจ

- อาการในช่องปาก อาจมีฟันผุ หรือมีกลิ่นปากได้

แต่อาการเหล่านี้ต้องได้รับการรักษาและสืบค้นเพิ่มเติมจากแพทย์เฉพาะทางด้านสาขานั้นๆก่อน หากไม่พบสาเหตุที่อธิบายด้วยโรคดังกล่าวได้ชัดเจน จึงค่อยคิดถึงโรคกลุ่มอาการนอกหลอดอาหารที่เป็นสาเหตุมาจากกรดไหลย้อน

ปัจจัยเสี่ยงกรดไหลย้อน

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยที่ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร และพฤติกรรมการใช้ชีวิต ปัจจัยเหล่านี้สามารถเพิ่มโอกาสให้เกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น ได้แก่

  • พฤติกรรมการรับประทานอาหาร

- การรับประทานอาหารปริมาณมากในมื้อเดียว

- การรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง อาหารทอด หรืออาหารรสจัด

- การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา และน้ำอัดลม

- การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ

- การรับประทานอาหารใกล้เวลาเข้านอน ซึ่งทำให้กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นได้ง่ายขึ้น

  • ภาวะน้ำหนักเกินหรือโรคอ้วน

- น้ำหนักตัวที่มากเกินไปสามารถเพิ่มแรงดันในช่องท้อง ทำให้กรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหารได้ง่ายขึ้น

  • การสูบบุหรี่

- การสูบบุหรี่สามารถลดการทำงานของกล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่าง และกระตุ้นการผลิตกรดในกระเพาะอาหาร ทำให้มีโอกาสเกิดกรดไหลย้อนได้มากขึ้น

  • การตั้งครรภ์

- การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนและแรงดันในช่องท้องที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์สามารถทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารอ่อนแรงลงและเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกรดไหลย้อน

  • อายุที่เพิ่มขึ้น

- เมื่ออายุมากขึ้น กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารอาจอ่อนแรงลง ทำให้กรดไหลย้อนเกิดขึ้นได้บ่อยกว่าในคนที่อายุน้อย

  • การใช้ยาบางชนิด

- ยาบางชนิด เช่น ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ยาบางประเภทสำหรับความดันโลหิตสูง และยาสำหรับโรคซึมเศร้า อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดกรดไหลย้อน

  • ปัจจัยทางพันธุกรรม

- บางคนอาจมีความเสี่ยงในการเกิดกรดไหลย้อนมากขึ้นเนื่องจากมีประวัติครอบครัวที่เป็นโรคนี้

วินิจฉัยกรดไหลย้อนได้ย่างไร?

โดยปกติแล้วแพทย์สามารถวินิจฉัยโรคกรดไหลย้อนได้จากการซักประวัติและตรวจร่างกาย โดยเฉพาะถ้าผู้ป่วยมาด้วยอาการแสบร้อนกลางหน้าอก หรือเรอเปรี้ยว แพทย์สามารถให้การรักษาเบื้องต้นได้เลย โดยที่ไม่ต้องตรวจค้นพิเศษเพิ่มเติม แต่ในกรณีที่รักษาด้วยยาเบื้องต้นแล้วอาการไม่ดีขึ้น จึงมีความจำเป็นที่ต้องได้รับการตรวจค้นพิเศษเพิ่มเติม ได้แก่ การส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนบน การกลืนแป้ง การตรวจวัดการบีบตัวของหลอดอาหาร และการตรวจวัดความเป็นกรดด่างในหลอดอาหาร เป็นต้น

สัญญาณอันตราย “โรคกรดไหลย้อน”

โรคกรดไหลย้อน ถ้าไม่รักษาและปล่อยทิ้งไว้ระยะยาว จะทำให้ทำให้เกิดผลแทรกซ้อนตามมาได้ ได้แก่ หลอดอาหารอักเสบรุนแรง จากการที่กรดในกระเพาะอาหารไหลย้อนขึ้นมาในหลอดอาหารเป็นระยะเวลานาน จนทำให้เยื่อบุหลอดอาหารอักเสบ และเกิดแผลในที่สุด จนบางครั้งทำให้หลอดอาหารตีบ ผู้ป่วยจะมาด้วยอาการกลืนลำบาก กลืนแล้วเจ็บคอ อาเจียนปริมาณมากหลังรับประทานอาหารทุกมื้อ อาจมีภาวะเซลล์เยื่อบุหลอดอาหารเปลี่ยนแปลงก่อนเป็นมะเร็งหลอดอาหาร (Barrett’s esophagus) และมะเร็งหลอดอาหาร ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงที่สุดของกรดไหลย้อน

สัญญาณเตือนอันตรายที่ทำให้ผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อนต้องได้รับการส่องกล้องทางเดินอาหารส่วนต้น ได้แก่ อาการกลืนลำบากอาการ กลืนแล้วเจ็บคอ มีอาเจียนรุนแรง มีภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร เช่น ถ่ายดำ อาเจียนเป็นเลือดหรือถ่ายเป็นเลือด มีน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ