เลือกภาษา:
ความรู้เพื่อสุขภาพ

ต่อมทอนซิลอักเสบ

พญ.อาภากรณ์ เอียมกุลวรพงษ์

เรื่อง ต่อมทอนซิลอักเสบ

          ต่อมทอนซิลเป็นต่อมที่อยู่ในกลุ่มของเนื้อเยื่อประเภทน้ำเหลือง ซึ่งสามารถพบได้หลายตำแหน่ง โดยตำแหน่งแรกเป็นตำแหน่งที่สามารถเห็นได้ชัดเจนอยู่บริเวณด้านข้างของช่องปาก นอกจากนี้ยังพบได้ที่บริเวณโคนลิ้น และในช่องของโพรงจมูก

หน้าที่หลักของต่อมทอนซิล ต่อมทอนซิลเป็นต่อมที่ทำงานเกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย มีเม็ดเลือดขาวอยู่ภายในต่อมหลากหลายชนิด ดังนั้นหน้าที่หลักของต่อมจึงมีเอาไว้เพื่อป้องกันเชื้อโรคไม่ให้เข้าสู่ร่างกายผ่านทางเดินอาหารได้ หน้าที่รองลงมาของต่อมทอนซิลคือมีไว้เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันให้ทางเดินอาหาร และทางเดินหายใจ

สาเหตุของการเกิดต่อมทอนซิลอักเสบ ต้นเหตุที่ทำให้เกิดโรคต่อมทอนซิอักเสบกว่า 70 - 80% นั้นมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสเป็นส่วนใหญ่ และสาเหตุส่วนที่เหลือมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย โดยตัวเชื้อทั้งหมดนั้นอาจจะอยู่ในน้ำลาย เสมหะ อากาศที่หายใจเข้าไป การสัมผัสกับเชื้อที่ปนเปื้อนอยู่ตามจุดต่างๆ รอบตัวแล้วนำมือหรือส่วนต่างๆ ของร่างกายที่โดนเชื้อมาสัมผัสปากหรือจมูก รวมไปถึงการทานอาหารหรือดื่มน้ำจากภาชนะเดียวกันกับผู้ติดเชื้อก็ทำให้เกิดการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิลได้

อาการของต่อมทอนซิลอักเสบ ผู้ที่ได้รับเชื้อจะมีอาการเป็นไข้ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว คัดจมูก น้ำมูกไหลแต่ไม่มาก มีอาการคัดจมูก กลืนอาหารลำบากเพราะมีอาการเจ็บคอร่วมด้วยและจะเจ็บอย่างมากตอนกลืนอาหาร ในบางรายอาจจะมีอาการปวดหูร่วมด้วย เพราะอาการอักเสบของต่อมทอนซิลที่คออาจจะส่งผลไปถึงในส่วนของหู เพราะหูชั้นกลางนั้นมีเส้นทางที่เชื่อมกับส่วนของลำคอ ต่อมทอนซิลเมื่อเกิดอาการอักเสบก็จะมีขนาดโตขึ้น มีอาการแดง อาจจะมีของเหลวสีคล้

ายหนองปกคลุม

การรักษาต่อมทอนซิลอักเสบ การรักษาแบ่งออกเป็น 2 แบบคือ การดูแลรักษาเบื้องต้นด้วยตนเอง และการเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

1. การดูแลรักษาด้วยตนเอง

-พักผ่อนให้เพียงพอ

-ดื่มน้ำให้มากๆ ไมน้อยกว่าวันละ 8 - 10 แก้ว

-ถ้ามีไข้สูงให้เลี่ยงการอาบน้ำและเปลี่ยนไปเป็นเช็ดตัวแทน

-หากมีอาการเจ็บคอให้ทานอาหารอ่อนที่สามารถทานได้ง่ายเช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ที่ไม่ร้อนจัดเกินไป

-ไม่ทานอาหารที่มีรสจัด หรือเผ็ดจัดเพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองที่ต่อมทอนซิลได้

-ไม่สูบบุหรี่ หรือดื่มแอลกอฮอล์

-แยกของใช้ส่วนตัวออกจากผู้อื่นที่ไม่เป็นโรคเพื่อป้องกันการแพร่กระจาย

-หากมีอาการปวดหัวให้ทานยาพาราเซตามอล

-บ้วนปาก และกลั้วคอด้วยน้ำเกลือ เพื่อฆ่าเชื้อโรคในช่องปาก

-รักษาความสะอาดภายในช่องปาก บ้วนปากและแปรงฟันหลังทานอาหารเสร็จเพื่อไม่ให้มีเศษอาหารตกค้างที่จะกลายเป็นสาเหตุให้อักเสบมากขึ้น

-อมยาที่ช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ

-หลีกเลี่ยงการใช้เสียงจนกว่าจะหาย

2. การเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

-หากมีอาการเจ็บคอร่วมกับมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต จะต้องเข้าพบแพทย์เพราะไม่สามารถรักษาด้วยตนเองได้เพราะมีสาเหตุมาจากการติดเชื้อแบคทีเรีย

-ต่อมทอนซิลเป็นหนอง

-เมื่อมีอาการเป็นไข้และรักษาด้วยตนเองไม่หายภายใน 2 - 3 วัน

-เมื่อมีอาการหายใจลำบาก อันเนื่องมาจากต่อมทอนซิลบวมโตจนส่งผลต่อการหายใจ

-กินอาหารได้น้อย หรือไม่ได้เลยอันเนื่องมาจากอาการเจ็บคอ

-หากมีอาการทอนซิลอักเสบบ่อยๆ อาจจะกลายเป็นทอนซิลอักเสบเรื้อรัง เป็นๆ หายๆ บ่อย สุดท้ายแพทย์อาจจะพิจารณาตัดต่อมทอนซิลออก

การตัดต่อมทอนซิลแพทย์จะพิจารณาจาก

-เมื่อผู้ป่วยมีภาวะต่อมทอนซิลอักเสบเรื้อรัง รักษาด้วยยาไม่ได้ผล ในปีหนึ่งมีการอักเสบหลายครั้งจนกระทบกับชีวิตประจำวัน

-เมื่อผู้ป่วยมีอาการต่อมทอนซิลโต จนกระทบการใช้ชีวิตประจำวันเช่น หายใจไม่ออก มีอาการนอนกรน หรือสภาวะหยุดหายใจขณะนอนหลับบ่อยๆ

-ผู้ป่วยที่แพทย์สงสัยว่าจะเป็นโรคมะเร็งต่อมทอนซิล

              การผ่าตัดต่อมทอนซิลออกนั้นจะเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อที่ต่อมทอนซิล ทำให้ลดการเป็นต่อมทอนซิลอักเสบ และไม่มีข้อเสียแต่อย่างใดหากตัดต่อทอนซิลทิ้งไปหากตัดทิ้งได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เพราะต่อมทอนซิลที่ถูกตัดออกมักจะก่อให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีหากยังปล่อยเอาไว้ อีกทั้งภายในร่างกายมีต่อมน้ำเหลืองมากมายที่สามารถทำงาน

ในเรื่องของการฆ่าเชื้อโรคแทนต่อมทอนซิลได้ ดังนั้นการผ่าตัดเอาต่อมทอนซิลออกจึงไม่ทำให้ภูมิคุ้มกันของร่างกายลดลง



 







 

พ.ญ.อาภาภรณ์  เอี่ยมกุลวรพงษ์
แพทย์เฉพาะทางด้านโสต ศอ นาสิกวิทยา