.jpg)
แผลเบาหวานที่เท้ารักษาถูกวิธี ไม่ต้องตัดขา
     ปัญหาแผลเบาหวานที่เท้า เป็นปัญหาที่สำคัญในระบบสาธารณสุขของประเทศไทย เนื่องจากเมื่อเกิดแผลขึ้นแล้ว มักจะใช้เวลาในการรักษานาน ทำให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตลดลงและมีภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา โดยสิ่งที่ทำให้แผลเบาหวานที่เท้าหายยาก มีสาเหตุหลักมากจาก การเป็นโรคเบาหวาน โดยโรคเบาหวานจะส่งผลกระทบให้เกิดความผิดปกติต่อระบบต่างๆ เช่น
- 
	ระบบประสาทรับความรู้สึก ทำให้ผู้ป่วยสูญเสียการรับรู้ความรู้สึกเจ็บปวด ความรู้สึกร้อนเย็น จึงทำให้ผู้ป่วยที่มีแผลเบาหวานไม่รู้สึกเจ็บปวด และยังคงใช้เท้าตามปกติ ทำให้เกิดแรงกดบริเวณแผลตลอดเวลา แผลจึงหายช้าหรือไม่หาย 
- 
	ระบบประสาทอัตโนมัติ ทำให้ผู้ป่วยมีผิวหนังแห้ง มีเหงื่อออกน้อย การหดตัวและขยายตัวของหลอดเลือดผิดปกติ เท้าบวม ผิวหนังแห้งและแตกง่าย ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นต่อการเกิดแผลเบาหวานที่เท้าได้ 
- 
	ระบบประสาทควบคุมกล้ามเนื้อ ส่งผลต่อกล้ามเนื้อเล็กในเท้าลีบลงเสียความสมดุลระหว่างเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อในเท้า ทำให้นิ้วเท้างอและผิดรูปในรายที่รุนแรงอาจส่งผลต่อกระดูกเท้า กระดูกเท้าจะผิดรูปและไม่แข็งแรง เกิดการหักของกระดูกหรือกระดูกทรุดตัวทำให้เท้าผิดรูป ซึ่งการผิดรูปของเท้าและนิ้วเท้าดังกล่าว จะส่งผลต่อการกระจายน้ำหนักเท้าเวลาที่เท้าสัมผัสพื้นในการเดินผิดปกติไป บริเวณที่รับน้ำหนักมากๆ ที่จะทำให้เกิดแผลขึ้นมาได้ 
- 
	ระบบหลอดเลือด ทำให้เส้นเลือดตีบแข็งและเกิดการอุดตัน ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงเนื้อเยื่อบริเวณดังกล่าว จึงทำให้แผลไม่สมาน 
การป้องกันแผลเบาหวานที่เท้า
- 
	ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด 
- 
	ดูแลรักษาความสะอาดและเช็ดเท้าให้แห้ง 
- 
	ตรวจเท้าเป็นประจำทุกวัน เพื่อหารอยโรค 
- 
	เลือกรองเท้าให้เหมาะสม ไม่บีบหรือรัดแน่นจนเกินไป 
- 
	ใช้ครีมทา รักษาผิวหนังแห้ง 
- 
	สวมถุงเท้าก่อนใส่รองเท้า 
- 
	ห้ามแช่เท้าในน้ำร้อน 
- 
	ตัดเล็บและควรดูแลเล็บอย่างถูกวิธี 
- 
	งดการสูบบุหรี่ 
อย่างไรก็ตาม เมื่อเกิดปัญหามีแผลเบาหวานขึ้นมาแล้ว การรักษาที่ดีต้องประกอบไปด้วยการรักษาปัจจัยหรือสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลนั้นร่วมกัน ซึ่งประกอบไปด้วย การควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ , การทำแผลอย่างถูกวิธี , ผ่าตัดล้างแผลและให้ยาปฏิชีวนะ เมื่อมีการติดเชื้อที่แผลเกิดขึ้น , การลดแรงกดที่มากระทำที่แผล เช่น การใส่รองเท้าตัดเฉพาะ , การผ่าตัดรักษาในกรณีที่มีกระดูกหรือนิ้วผิดรูป และสุดท้ายคือการขยายเส้นเลือด หากมีปัญหาเส้นเลือดอุดตันหรือตีบตันร่วมด้วย
นอกจากนี้ในปัจจุบัน ยังมีวัสดุที่ช่วยในการทำแผลชนิดใหม่ๆ , การทำแผลด้วยระบบความดันเย็นลบ (vacuum dressing) และยังมีการรักษาเสริมเข้ามาช่วยในการรักษาแผลเบาหวานเรื้อรัง คือ การรักษาด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง ซึ่งจะกระตุ้นและช่วยให้เกิดการสมานของแผลได้ดีและเร็วขึ้น




